คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ

You are here: Islam Guide Home > บทที่ 1, หลักฐานบางประการที่บอกถึงความเป็นจริงของศาสนาอิสลาม > (1) ปาฏิหาริย์ในทางวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์กุรอาน > ข) พระคัมภีร์กุรอานที่ว่าด้วยเทือกเขา

ข) พระคัมภีร์กุรอานที่ว่าด้วยเทือกเขา:

หนังสือที่ชื่อว่า Earth เป็นตำราที่ใช้อ้างอิงเป็นหลักในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก หนังสือเล่มนี้มีผู้แต่งสองท่าน หนึ่งในนั้นได้แก่ ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ Frank Press เขาเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้กับอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และเป็นประธานสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of Science) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นเวลา 12 ปี หนังสือของเขากล่าวว่า เทือกเขาจะมีรากฝังอยู่ใต้พื้นดิน.1 รากเหล่านี้ฝังลึกอยู่ใต้พื้นดิน ดังนั้น เทือกเขาจึงมีรูปทรงเหมือนกับสลัก (ดูรูปที่ 7,8 และ 9).
 

รูปที่ 7

รูปที่ 7: เทือกเขาจะมีรากฝังลึกอยู่ใต้พื้นดิน (Earth, Press และ Siever หน้า 413)

รูปที่ 8: (คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายใหญ่)

รูปที่ 8: ส่วนที่เป็นแผนผัง เทือกเขาที่มีรูปร่างเหมือนสลัก จะมีรากลึกฝังแน่นอยู่ใต้พื้นดิน (Anatomy of the Earth ของ Cailleux หน้า 220) (คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายใหญ่)

รูปที่ 9: (คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายใหญ่)

รูปที่ 9:อีกภาพหนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าเทือกเขาเหล่านั้นมีรูปทรงเหมือนสลักได้อย่างไร เนื่องจากเทือกเขาเหล่านี้มีรากฝังลึก (Earth Science ของ Tarbuck และ Lutgens,  หน้า 158) (คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายใหญ่)

นี่คือการอรรถาธิบายถึงเทือกเขาต่างๆ ว่ามีรูปทรงอย่างไรในพระคัมภีร์กุรอาน พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ในพระคัมภีร์กุรอานดังนี้:

เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ ? และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ  (พระคัมภีร์กุรอาน, 78:6-7)

วิทยาศาสตร์ว่าด้วยพื้นโลกในยุคใหม่นี้ ได้ทำการพิสูจน์แล้วว่า เทือกเขาต่างๆ จะมีรากฝังลึกอยู่ใต้พื้นผิวของพื้นดิน (ดูรูปที่ 9) และรากเหล่านั้นสามารถเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่เหนือพื้นดินได้หลายครั้ง2 ดังนั้น คำที่เหมาะสมที่สุดที่ใช้อธิบายเทือกเขาเหล่านี้โดยอาศัยพื้นฐานข้อมูลเหล่านี้ก็คือ คำว่า ‘สลัก’ เนื่องจากรากส่วนใหญ่จะถูกซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน ประวัติศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ได้บอกกับเราว่า ทฤษฏีว่าด้วยเทือกเขาที่มีรากฝังลึกนั้น เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อครึ่งหลังของศตวรรษที่สิบเก้านี่เอง.3

เทือกเขายังมีบทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือให้ความมั่นคงแข็งแรงกับเปลือกโลก.4  โดยช่วยยับยั้งการสั่นสะเทือนของโลกได้ พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ในพระคัมภีร์กุรอานดังนี้:

 และพระองค์ทรงให้มีเทือกเขามั่นคงในแผ่นดิน เพื่อมิให้มันสั่นสะเทือนแก่พวกเจ้า...  (พระคัมภีร์กุรอาน, 16:15)

นอกจากนั้น  ทฤษฏีสมัยใหม่ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของแผ่นโลกนั้นเชื่อว่า เทือกเขาต่างๆ ทำงานเสมือนกับเครื่องมือสำหรับสร้างความแข็งแกร่งให้กับโลก ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของเทือกเขาที่ทำหน้าที่เสมือนเครื่องมือที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับโลกนั้นเพิ่งเป็นที่เข้าใจกันเนื่องจากมีทฤษฎีการเคลื่อนตัวของแผ่นโลกเมื่อทศวรรษ 2503.5

มีใครบ้างไหมในช่วงเวลาของพระศาสดามูหะหมัด ที่ทราบเกี่ยวกับรูปทรงที่แท้จริงของเทือกเขา มีใครบ้างไหมที่สามารถจินตนาการได้ว่า ภูเขาที่ดูแข็งแกร่งมหึมาที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านั้น แท้จริงแล้วฝังลึกลงไปใต้พื้นโลก และยังมีรากด้วย อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวอ้างไว้ หนังสือเกี่ยวกับธรณีวิทยาจำนวนมาก เมื่อมีการกล่าวถึงเทือกเขา ก็จะอธิบายแต่ส่วนที่อยู่เหนือพื้นผิวโลกเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหนังสือเหล่านี้ไม่ได้เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ธรณีวิทยาสมัยใหม่ได้ช่วยยืนยันความเป็นจริงของโคลงบทต่างๆ ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์กุรอานแล้ว.
 

_____________________________

เชิงอรรถ:

(1)Earth ของ Press และ Siever, หน้า 435 และดูที่  Earth Science  ของ Tarbuck และLutgens, หน้า 157. Back from footnote (1)

(2)The Geological Concept of Mountains in the Quran ของ El-Naggar หน้า 5. Back from footnote (2)

(3)The Geological Concept of Mountains in the Quran หน้า 5.Back from footnote (3)

(4)The Geological Concept of Mountains in the Quran หน้า 44-45. Back from footnote (4)

(5)The Geological Concept of Mountains in the Quran หน้า 5. Back from footnote (5)
 

โฮมเพจ: www.islam-guide.com